-005 : ถ้าทำงานนี้แล้วไม่ได้เงิน … มึงจะยังทำงานนี้อยู่หรือเปล่า?

 

ถ้าทำงานนี้แล้วไม่ได้เงิน …

มึงจะยังทำงานนี้อยู่หรือเปล่า?

ผมเคยถามคำถามแบบนี้กับตัวเอง 2 ครั้ง ครั้งแรก มันเกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้ว ตอนตัดสินใจเริ่มต้นเขียนบล็อกด้วยความรู้สึกสั้นๆ ว่า “อยากลองทำดู” นับตั้งแต่วันแรกที่เขียนบล็อกเรื่องราวไดอารี่ส่วนตัว เพราะคิดว่าแนวคิดและแนวเขียนของตัวเองนั้นช่างเลิศหรูเสียเต็มประดา มาจนถึงวันที่ตัดสินใจเขียนบล็อกให้ความรู้ เพื่อที่จะลองดูว่าเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการทำแบบนี้

 

วันเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ แต่ก็รวดเร็วพอที่ผมจะเห็นว่ามันเปลี่ยนแปลงชนิดที่เรียกว่าแปรผัน 2 ปีแรกหลังจากที่ตัดสินใจทำแบบนี้ ความจริงที่พบเห็นได้อย่างนึงก็คือ ไดอารี่ขีวิตมึงนั้นไม่มีใครสนใจ เพราะมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับชีวิตเขา และความคิดคำคมที่มึงเสกสรรปั้นแต่งมานั้นมันช่วงกลวงและกากเสียเต็มประดา ส่วนความรู้ที่พยายามจะแชร์มาน่ะหรือ มันก็เป็นแค่การก็อปปี้ความคิด คำสอนของอาจารย์หลายๆท่าน รวบรวมมาเป็นบทความที่ไร้ความสำคัญกับชีวิตคนเหมือนเดิม

 

ไม่ต้องมีคำหล่อๆของไอน์สไตน์อย่าง “มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะทําสิ่งเดิมซ้ํา ๆ แต่กลับหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง” ให้ฟัง สำนึกและสติก็คงพอที่จะคิดเองได้ว่า สิ่งที่เราทำนั้นมันช่างไร้ค่า ดังนั้นควรจะทำต่อหรือเลิกราแล้วต่อกันดี ถ้าเลิกก็จบ ถ้าต่อก็ไม่รับประกันว่าจะสำเร็จ เพราะความอดทนและความพยายามที่ผิดที่ ก็เหมือนคนโง่ที่พาตัวเองเสียเวลาชีวิตไปวันๆ เท่านั้นเอง

 

น่าแปลกที่ผลลัพธ์ของมันปรากฎในปีที่ 4 เติบโตในปีที่ 5 และมาเบ่งบานแก่กล้าในปีที่ 6 จนกลายเป็นว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดนั้นเหมือนเรื่องง่ายดายที่เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยในอากาศ รอแค่คนมาสูดดมเข้าไปเหมือนกาวแล้วดึงดาวแห่งความสำเร็จมาประดับไว้ตรงบ่า จนถึงวันนี้ความพยายามที่ผ่านมาก็ยังคงถูกใครหลายคนสูดดมแล้วบอกว่า “เพราะคุณมีโอกาสที่ดีกว่าคุณเลยทำได้”

 

เมื่อเส้นทางถูกจุดติด สิ่งที่ตามมาทั้งหมดในชีวิตเราจะเรียกมันว่าโอกาส ซึ่งโอกาสก็ถูกแบ่งแยกย่อยออกเป็น “โอกาสที่ต้องทำ” “โอกาสที่ควรทำ” และ “โอกาสที่เราเองก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงกับมันดี” และตรงนี้คือสิ่งที่จะมาเปิดประสบการณ์ให้เราก้าวไปต่อ จนผ่านมาได้ในถึงทุกวันนี้

 

และการ์ดกับดักก็เริ่มทำงาน เราเริ่มหลงระเริงอยู่กับโอกาส เริ่มฝันหวานกับความก้าวหน้า เริ่มสูดดมกัญชาที่ทำให้เราคิดว่าเรากลายเป็นผู้ที่แน่นอนกับความสำเร็จ แต่สุดท้ายแล้วความรู้สึกเหล่านี้อาจจะนำพาให้เราล้มจนเจ็บเจียนตายก็ได้

ถ้าทำงานนี้แล้วไม่ได้เงิน …

 

มึงจะยังทำงานนี้อยู่หรือเปล่า?

 

เมื่อถึงจุดนั้น สิ่งที่เราใช้ต่อต้านการ์ดกับดัก คือ ถามคำถามเดิมซ้ำๆ ให้มันตอกย้ำเข้าไปถึงสิ่งที่เราต้องการมากกว่า “เงิน” แน่ล่ะว่าเงินมันซื้อทุกอย่างได้แหละ แต่คำถามคือ บางอย่างที่เงินซื้อไม่ได้สำหรับเรานั้นคืออะไร และงานที่เราเลือกทำนั้นทำให้เราได้สิ่งนั้นกลับมาหรือเปล่า เช่น ประสบการณ์ที่ได้ร่วมงานกับคนเก่ง (ซึ่งถ้าใช้เงินซื้อก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสแบบนี้หรือไม่) ความรู้สึกดีๆ ที่ได้เป็นผู้ให้หรือไ้ด้รับการยอมรับ (เงินซื้อได้ แต่เราจะภูมิใจในตัวเองเท่านี้หรือเปล่า) หรือแม้แต่การเลือกที่จะไม่ทำงานเพื่อเงิน เพราะต้องการ “เวลา” ในช่วงเดียวกันทำอย่างอื่นในชีวิตที่เราคิดว่ามันมีค่ามากกว่าเงินที่ได้รับมา

 

ไม่ต้องแปลกใจถ้าเจอหลายคนก่นด่าว่าทางที่เราเลือกนั้นเป็นทางที่โง่เง่า ไม่ต้องเศร้าถ้าหากเราจะเลือกทางเดินที่ผิดจนต้องเอ่ยคำว่า “รู้งี้” ไม่ต้องท้อแท้ พูดจาร้องหาความดี เพราะบางทีสิ่งที่เราเลือก โอกาสที่เราใช้ มันอาจจะให้อะไรบางอย่างที่เจ็บปวด และไม่ได้แม้แต่เงินก็ตาม

 

เพราะสุดท้ายทางที่เราเลือกเดินนี่แหละมันจะเป็นคำตอบว่าเราชื่นชอบในการใช้ชีวิตของเราจริงๆหรือไม่ หรือสุดท้ายเราเป็นได้แค่เพียงคนโง่เง่าที่เอาแต่เสียเวลาคิดไปเองว่าสิ่งที่เราทำนั้นมันยิ่งใหญ่เสียเต็มประดา