-013 : เราไม่ได้หยุดแค่ถูกใจ… เพราะมันมีอะไรให้แสดงความรู้สึกมากกว่านั้น

ในที่่สุด ปุ่ม Reactions ของ Facebook ก็ได้เพิ่มเติม “ความรู้สึก” ที่มีมากกว่า “ถูกใจ” ให้กับเราจนได้ โดยมีทั้ง ตลก โกรธ เศร้า ประหลาดใจ รัก …

 

ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เริ่มมีหลายคนแสดงความรู้สึกกันอย่างสนุกสนานต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการตลาด ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นโอกาสในการตรวจสอบ ฐานแฟนคลับ หรือคนที่มีความสัมพันธ์กับคุณ โดยเฉพาะเจ้าของเพจอาจจะใช้ในการวิเคราะห์ลูกเพจต่างๆที่กดอะไรมากกว่าปุ่ม “ถูกใจ” ซึ่งส่งผลกับการต่อยอดอะไรบางอย่างไปในอนาคตที่มีต่อแบรนด์ หรือต่อเจ้าของแฟนเพจ

 

ในฐานะที่เป็นผู้ใช้เอง การแสดงความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนๆ หรือคนรอบข้างได้หลากหลายมากขึ้น เราคงได้มีโอกาสกดปุ่มแสดงความเสียใจ “เศร้า(Sad)” ได้อย่างถูกกาลเทศะ เมื่อได้รับทราบถึงการสูญเสียจากสถานะของใครบางคนบน News Feed

 

หากมองออกไปเพื่อเปรียบเทียบระหว่างโลกออฟไลน์กับโลกออนไลน์ เราจะเห็นว่า “ความรู้สึก” เป็นเรื่องที่สำคัญมากขึ้น แม้แต่ในโลกออนไลน์ก็ตาม เริ่มตั้งแต่ ทำไมถึงไม่กด Like ให้ ทำไมถึงอ่านแล้วไม่โหวต หรือแม้แต่ทำไมเธอถึงไม่ Tag ขอบคุณชั้น บลาๆๆ มากมาย ที่ส่งผ่านความรู้สึกของคนเราในโลกออนไลน์มาให้อยู่ในโลกออฟไลน์หรือชีวิตจริง

 

ส่วนหนึ่งแสดงให้เราเห็นถึงความผูกพันและความสำคัญ และมันกำลังหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งกับชีวิตเรามากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น ซึ่งผมก็ไม่สามารถบอกได้หรอกครับว่า การหลอมรวมนั้นมันเป็นเรื่องที่ดีหรือร้ายกันแน่

 

ผมสังเกตเห็นว่า คนกลุ่มหนึ่งเริ่มรู้สึกว่า เราแสดงความเห็นกันมากขึ้น เราทุกคนแชร์กดไลค์ตามกระแส ติดตามข่าวสารดังชั่วข้ามคืน เพื่อให้คนอื่นรู้สึกว่าเรารู้ ซึ่งมันก็จะผ่านมาแป๊บเดียวแล้วก็ผ่านไป แต่เอาเข้าจริงการแสดงความเห็นแบบนั้นก็ไม่สามารถทวนกระแสของการแสดงความคิดเห็นอันเชี่ยวกรากบนโลกออนไลน์ไปได้เช่นเดียวกัน

 

ยิ่งเกิดความเสมือนมากขึ้นเท่าไร เราก็ยิ่งเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่เราลืมไปก็คือ เราอาจจะไม่รู้เลยว่า ความจริงที่เราจับต้องอยู่นั้น มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่ไม่จริงบนโลกออนไลน์ ที่มันควรจะสลายหายไปในชั่วพริบตาที่เรากลับมาสู่ความเป็นจริง

 

เพราะมันเหมือนจริงเกินไปหรือเปล่า เราจึงกล้าที่จะตัดสิน ฟันธง ก่นด่า เหมารวมและนินทาว่าคนเหล่านั้นเป็นอย่างไร เป็นแบบไหน และไปรู้สึกรู้สากับการกระทำของเขาจนเกิดเหตุ ทั้งๆที่จริงแล้วเขาไม่ได้รู้สึกและสนใจอะไรเราเลย

 

เพราะมันเป็นเพียงออนไลน์หรือเปล่า เราจึงกล้าที่จะแสดงความเห็น คอมเม้นท์ ด่าด้วยคำแรงๆ กดอันฟอลโลว์ กดอันเฟรนด์ บล็อค ไปจนถึงรีพอร์ทพวกเขา เพียงแค่ว่าเขาไม่ได้เป็นไปตามสิ่งที่เราต้องการเท่านั้น

 

เราลืมไปแล้วว่าโลกออนไลน์กลับกลายเป็นโลกจริง ว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นแบบนั้นจริงๆ ในขณะเดียวเราก็ลืมไปแล้วว่าโลกจริงมันก็สามารถปั้นแต่งสิ่งที่โกหกหลอกลวงได้เช่นเดียวกัน คำพูด การกระทำ จิตใจ หรือแม้แต่สิ่งที่เรามองเห็นด้วยหัวใจ ก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงจากใจของเขาคนนั้น

 

โลกออนไลน์ไม่ได้บอกอะไรเรา โลกจริงก็ไม่ได้บอกอะไรเรา แต่ความเสมือนจริงที่กลมกลืนบนสองโลกนี้ทำให้เราเห็นว่าสิ่งที่เราเห็นกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง การแสดงออกคือสิ่งที่เป็นจริง และการตัดสินคือสิทธิอันชอบธรรม

 

เราให้ความสำคัญกับความรู้สึก

เพราะเราลืมไปว่ามันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

 

และเราก็เชื่อมั่นในตัวเองว่า

เราสามารถฉุดรั้งและยึดมันไว้ได้ตลอดไป

 

ป.ล. ทั้งหมดนี้ผมเขียนมั่วๆนะครับ ลองทำตัวฉลาดบ้าง เผื่อว่าจะดูฉลาดขึ้น :)