017 : ความสุข เงินตรา ชีวิต มายา และการค้นหาคำตอบให้ตัวเอง
.
มึงมีความสุขได้ยังไงวะ ?
ผมตั้งคำถามหลังจากที่สบตากับเธอเบาๆ เธอผู้ผ่านความเศร้าและความทุกข์ในชีวิตมากมาย สามีทรยศหนีไปกับสาวแก่แม่ม่าย ทิ้งไว้แต่ลูกน้อยให้ดูแลเพียงลำพัง หุ้นส่วนใหญ่ยักยอกเงินไปทำกิจการของคู่แข่ง หนี้พนันของน้องชายที่ทำให้แม่ร้องไห้เป็นสายเลือด และอื่นๆอีกมากมายที่เข้ามากระทบชีวิต แต่ก็ดูเหมือนว่าความทุกข์ทั้งหลายเหล่านั้นไม่อาจจะทำร้ายได้เธอได้แม้แต่น้อย
เธอยิ้มก่อนที่จะตอบผมว่า
ถ้าหากคนเราเจอความทุกข์มากถึงจุดหนึ่ง มันจะชินและเข้าใจไปเอง
คนเราค้นหาความสุขมากมายในชีวิต ที่เคยไม่มีพอมีแล้วก็อยากได้ ที่เคยมีแล้วก็กลายเป็นไม่พอ สุดท้ายเรานั่นแหละก็จบชีวิตไปอย่างที่ไม่รู้เลยว่า ความสุขคืออะไร เธอพูดพลางชี้นิ้วให้ดูลูกน้อยที่กำลังวิ่งเตาะแตะในสนามหญ้า พร้อมกับเสียงหัวเราะอ้อแอ้เหมือนกับว่ามันช่างเป็นความสุขเสียเต็มประดา
“ความสุขมันไม่ได้ยาก ถ้าเราไม่พยายามไปรับรู้อะไรมากนัก”
เธอตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่จะลุกเดินออกไปโดยไม่กล่าวคำร่ำลา
.
“เงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่มันจำเป็น”
เขาบอกผมในวันที่ตัวของเขามี “อิสรภาพการเงิน” ชนิดที่ไม่ได้มาจากการจัดสัมมนาปลุกใจกระตุ้นฝันเปลี่ยนพลังให้คนทั้งประเทศมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่เขาสร้างตัวเองจากการทำงานและการลงทุน ภาพลักษณ์ของมนุษย์เงินเดือนธรรมดาที่ไม่ไ้ดประสบความสำเร็จใดๆ กลับเป็นคนที่มีเงินใช้ไม่ขาดมือจากมันสมองของเขา
ไอ้พวกที่บอกเงินสำคัญก็น่ารำคาญ ไอ้พวกที่บอกเงินไม่สำคัญก็น่ารำคาญ เพราะพวกแม่งมัวแต่สนใจว่าเงินคืออะไร มากกว่าพวกมันจะใช้วิธีไหนในการหาเงิน เรื่องทุกเรื่องมันก็มีความจำเป็นและสำคัญของมันอยู๋ เป็นไปไม่ได้หรอกมึง ที่มันจะมีโลกเพียงด้านเดียว เหมือนคนดีคนชั่วอ่ะ มันอยู่ที่คนมอง บางคนมึงเห็นเค้าดี แต่คนอื่นด่าว่าเค้าชั่ว แบบนี้เขาเป็นคนดีหรือคนชั่ววะ คำพูดร่ายยาวเหมือนอัดอั้นของเขา ทำให้ผมหยุดหัวเราะไม่ได้
คือไอ้เรื่องเงินเนี่ย มึงต้องตอบตัวเองก่อนว่า มันสำคัญในเรื่องไหน และมันไม่สำคัญในเรื่องไหน เรื่องที่สำคัญที่มึงต้องใช้เงินมันก็มี เรืองไม่สำคัญที่มึงคันอยากจะใช้มันก็มี ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับเงิน มันเกี่ยวที่ความรู้สึกมึงต่างหาก
เขาดูเหมือนกำลังพูดเรื่องที่ผมไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย…
.
“ชีวิต คือ มายา”
ความตายมันน่ากลัวนะ … ไม่สิ ความกลัวตายมันน่ากลัวกว่า เพราะมันทำให้คุณมองหาสิ่งที่ไม่เป็นจริง ชีวิตมันเป็นเรื่องมายา เราชอบสมมุติว่าต้องมีแบบนั้นถึงจะดี มีแบบโน้นถึงจะใช่ มีแบบไหนถึงจะสมบูรณ์ แต่เอาเข้าจริง มีด้วยหรอวะชีวิตที่สมบูรณ์น่ะ มันไม่มีหรอก ต่อให้มึงคิดว่าวันนี้สมบูรณ์นะ ถ้ามีใครมาบอกว่ามึงไม่สมบูรณ์ มึงก็จะรู้สึกนิดๆ ถ้าคำพูดของคนนั้นมันตรงจริตมึงอ่ะนะ แต่ถ้ามึงมั่นใจในชีวิตมากไปว่ามึงสมบูรณ์แล้ว มันก็แปลว่ามึงอ่ะติดกับอัตตา หลงความมีตัวตนไปหมด ทั้งๆที่สุดท้ายชีวิตที่ดี มันก็คือ ชีวิตที่มีมายารายล้อมมึงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
ผมยิ้มให้กับเขา ผู้ที่ผมไม่รู้จักแต่กลับตะโกนโหวกเหวกอยู่ข้างสะพานลอยราวกับมีคนนับร้อยรับฟังความคิดของเขา เสื้อผ้าที่ขาดวิ่น ทรงผมที่พันกันยุ่งราวกับไม่เคยได้เจอกับน้ำมานานแล้ว กลับทำให้ผมหยุดฟังเนื้อหาที่เขาพูดได้ เพราะบางทีเราอาจจะเคยคิดคล้ายๆกัน เพียงแต่สถานะของเขาในวันนี้ มันไม่มีความน่าเชื่อถือหลงเหลืออยู่
… ชีวิตก็แค่นี้เอง
.
คำตอบที่บางครั้งไม่ได้ต้องการ “คำถาม”
หลายครั้งที่ผมเขียนเรื่องด้วยอาการที่ไม่รู้จะเขียนอะไร แต่พยายามจะเขียนมันออกมาเพื่อใช้บำบัดอาการ “กลวงแกว่ง” ของตัวเอง ผมเรียกชื่ออาการตัวเองแบบนั้นในวันที่นั่งเศร้าๆ เหงาๆ อึนๆ โดยที่ไม่รู้ว่าชีวิตต้องการอะไร บางครั้งช่วงขณะหนึ่งเราก็รู้สึกว่าชีวิตมันช่างมีความสุขกับความสำเร็จที่ผ่านมา บางครั้งอีกช่วงขณะเราก็รู้ว่าชีวิตมันทุกข์แสนทุกข์ เมื่อเราหันไปมองสิ่งที่เรายังไม่มี บางครั้งก็เราก็รู้สึกชื่นใจกับอนาคตที่มันกำลังลอยมาใกล้ให้เราเอื้อมมือคว้า ในขณะที่บางครั้งเราก็รู้สึกกลัวเมื่อคิดถึงปัญหาที่กำลังจะตามมาจากการกระทำของใครสักคนหนึ่ง เรื่องเหล่านี้วนเวียนวกวนวิ่งวุ่นวายอยู่กับเราเหมือนเป็นวัฏจักร
และเราก็คงต้องพบเจอ หมุนเวียน เรียนรู้อยู่กับมันต่อไป
จนกว่าจะถึงวันไหนที่เราได้นอนหลับชั่วนิรันดร