027 : ถ้าทำงานนี้แล้วไม่ได้เงิน … มึงจะยังทำงานนี้อยู่หรือเปล่า?
ถ้าทำงานนี้แล้วไม่ได้เงิน …
มึงจะยังทำงานนี้อยู่หรือเปล่า?
ผมเคยถามคำถามแบบนี้กับตัวเอง 2 ครั้ง …
ครั้งแรก มันเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ ตอนที่ผมตัดสินใจเริ่มต้นเขียนบล็อกด้วยความรู้สึกสั้นๆที่เรียกว่า “อยากลองดู”
นับตั้งแต่วันแรกที่เขียนบล็อกเรื่องราวไดอารี่ส่วนตัว เพราะคิดว่าความคิดและแนวทางการเขียนของตัวเองนั้นช่างเลิศหรูเสียเต็มประดา อีกทางหนึ่งก็คิดว่ามันถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเขียนบล็อกให้ความรู้ เพื่อที่จะได้รับรู้ว่าเราได้ประโยชน์อะไรจากการทำแบบนี้
วันเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ แต่รวดเร็วพอที่ผมจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่แปรผัน…
2 ปีแรกหลังจากที่ตัดสินใจ “ลงมือทำ” ความจริงแรกที่พบเห็น คือ ไดอารี่ขีวิตมึงนั้นไม่มีใครสนใจ เพราะมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับชีวิตเขา และความจริงลำดับสองที่ตามมา คือ ความคิดคำคมที่มึงเสกสรรปั้นแต่งมานั้นมันช่วงกลวงกากเหมือนซากอ้อย
ความจริงลำดับสามที่ทำให้ท้อถอย คือ เรื่องราวความรู้ที่พยายามจะแชร์ มันเป็นได้แค่การก็อปปี้ความคิด คำสอนของอาจารย์หลายๆท่าน รวบรวมมาเป็นเหมือนคาสเซ็ทรวมเพลงฮิตที่ไม่ถูกจริตกับคนฟัง
ไม่ต้องรอฟังคำหล่อๆของไอน์สไตน์อย่าง “มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะทําสิ่งเดิมซ้ํา ๆ แต่กลับหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง” ให้มากระทบเข้าหู สำนึกและสติที่เป็นตัวกูของกูคงพอที่จะคิดเองได้แล้วล่ะว่า สิ่งที่เราทำนั้นมันช่างไร้ค่า ดังนั้นควรจะทำต่อหรือเลิกราไปซักที ถ้าเลิกก็จบ ถ้าต่อก็ไม่รับประกันว่าจะสำเร็จ เพราะความอดทนและความพยายามที่ผิดที่ ก็เหมือนคนโง่ที่พาตัวเองเสียเวลาชีวิตไปวันๆ
ขอบคุณที่วันนั้นผมตัดสินใจไม่เลิกรา และน่าแปลกที่ผลลัพธ์ของมันกลับมาปรากฎในปีที่ 4 เติบโตในปีที่ 5 และมาเบ่งบานแก่กล้าในปีที่ 6 จนกลายเป็นว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดนั้นเหมือนเรื่องง่ายดายที่เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยในอากาศ รอแค่คนมาสูดดมเข้าไปเหมือนกาวแล้วดึงดาวแห่งความสำเร็จมาประดับไว้ตรงบ่า มาจนถึงวันนี้ความพยายามที่ผ่านมาก็ยังคงถูกใครหลายคนสูดดมแล้วบอกด้วยคำพูดฉลาดๆเข้าใจโลกว่า “เพราะคุณมีโอกาสที่ดีกว่าคุณเลยทำได้”
เมื่อเส้นทางเดินที่ชัดเจนถูกจุดติด สิ่งที่ตามมาทั้งหมดในชีวิตนั้น มันกลายเป็นโอกาส ซึ่งถูกแบ่งแยกย่อยออกเป็น “โอกาสที่ต้องทำ” “โอกาสที่ควรทำ” และ “โอกาสที่เราเองก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงกับมันดี”
โอกาสที่เข้ามาให้เราตักตวง ถูกภาพลวงของการ์ดกับดักทำงานตามไปด้วย ผมเริ่มหลงระเริงอยู่กับโอกาส เริ่มฝันหวานกับความก้าวหน้า เริ่มสูดดมกัญชาที่ทำให้เราคิดว่าเรากลายเป็นผู้ที่แน่นอนกับความสำเร็จ แต่สติเล็กๆน้อยๆ คอยฉุดรั้ง ความรู้สึกตัวเองว่าโอกาสเหล่านี บางครั้งบางทีอาจนำพาให้เราล้มจนเจ็บเจียนตายก็ได้
ถ้าทำงานนี้แล้วไม่ได้เงิน …
มึงจะยังทำงานนี้อยู่หรือเปล่า?
เมื่อถึงจุดนั้น สิ่งที่เราใช้ต่อสู้ต้านการ์ดกับดัก คือ ถามคำถามเดิมซ้ำๆกับตัวเอง ให้มันตอกย้ำเข้าไปถึงสิ่งที่เราต้องการมากกว่า “เงิน” แน่ล่ะว่าเงินมันซื้อทุกอย่างได้ และมันช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น
แต่คำถามที่ตามมาคือ บางอย่างที่เงินซื้อไม่ได้สำหรับเรานั้นคืออะไร และงานที่เราเลือกทำนั้นทำให้เราได้สิ่งนั้นกลับมาหรือเปล่า เช่น ประสบการณ์ที่ได้ร่วมงานกับคนเก่ง (ซึ่งถ้าใช้เงินซื้อก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสแบบนี้หรือไม่) ความรู้สึกดีๆ ที่ได้เป็นผู้ให้หรือไ้ด้รับการยอมรับ (เงินซื้อได้ แต่เราจะภูมิใจในตัวเองเท่านี้หรือเปล่า) หรือแม้แต่การเลือกที่จะไม่ทำงานเพื่อเงิน เพราะต้องการ “เวลา” ในช่วงเดียวกันทำอย่างอื่นในชีวิตที่เราคิดว่ามันมีค่ามากกว่าเงินที่ได้รับมา
พวกคุณไม่ต้องแปลกใจถ้าเจอหลายคนก่นด่าว่าทางที่เราเลือกนั้นเป็นทางที่โง่เง่า ไม่ต้องเศร้าถ้าหากเราจะเลือกทางเดินที่ผิดจนต้องเอ่ยคำว่า “รู้งี้” ออกมา ไม่ต้องท้อแท้ พูดจาร้องหาความดี เพราะบางทีสิ่งที่เราเลือก โอกาสที่เราใช้ มันอาจจะให้อะไรบางอย่างที่เจ็บปวด และไม่ได้แม้แต่เงินก็ตาม
เพราะสุดท้ายทางที่เราเลือกเดินนี่แหละมันจะเป็นคำตอบว่าเราชื่นชอบในการใช้ชีวิตของเราจริงๆหรือไม่ หรือสุดท้ายเราเป็นได้แค่เพียงคนโง่เง่าที่เอาแต่เสียเวลาคิดไปเองว่าสิ่งที่เราทำนั้นมันยิ่งใหญ่เสียเต็มประดา
…