034 : ขอบคุณ เดือน “กันยายน” เดือนที่เปลี่ยนแปลงผมเป็นคนใหม่

หนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ไม่ได้มีเวลามาเขียนอะไรลงที่แห่งนี้ ทั้งๆที่ตั้งใจจะเขียนให้ได้อาทิตย์ละครั้ง แต่แล้วมันก็พังพินาศไปเกือบหมดอีกแล้ว  (TwT) ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะแรงกระทบที่เข้ามาสั่นคลอนอะไรหลายๆอย่าง ขอบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นในเดือนนี้ ซึ่งผมคิดว่ามันหนักหนากว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนเสียอีก (อ่าน 022 – 025 : ประสบการณ์ในเดือนที่แย่ที่สุดของชีวิต)

1. ผมใช้เวลาช่วงหนึ่งนั่งดู Timeline เก่าๆใน Facebook ตัวเอง เพื่อที่จะค้นพบอะไรบางอย่าง แรงบันดาลใจ อดีตที่เปลี่ยนไป สิ่งที่เหมือนมีสาระในวันนั้นกลายเป็นสิ่งที่ไร้สาระในวันนี้

• เรื่องราวที่ผ่านมา ผมชอบเขียนวนไปวนมาอยู่ 2-3 ปี ทั้งเรื่องเงิน เรื่องกูรู เรื่องความสำเร็จ เรื่องแพชชั่น เรื่องหักมุมมั่วซั่ว แซะคนโน้น หยิบเรื่องคนนี้มามองในมุมของตัวเองบ้าง ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะความอยากมีตัวตนในแต่ละห้วงของความทรงจำ อีกส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะความกระสันครั่นคร้ามในการพยายามจะสื่อความคิดของตัวเอง

• สิ่งที่เปลี่ยนไปในตอนนี้ นั่นคือความนิ่ง เมื่อก่อนผมสนุกกับการกระแทกแดกดันรุนแรง แต่วันนี้ความรู้สึกเหล่านั้นมันเลือนหายไป พร้อมกับคำถามว่าเราจะทำให้คนอื่นรู้ทำไมวะว่าเราคิดอะไรกับเขาอยู่?

• การคิดในวันนั้น ไม่ได้ทำให้หยุดเขียน แต่มันทำให้เรียนรู้และ ยึดมั่นในสิ่งที่เราเขียนต่อไป แม้ว่าจะไม่มีใครเห็น แต่ในอนาคตข้างหน้า ถ้าได้ย้อนกลับมามองดู ผมอยากได้รับความรู้สึกภูมิใจเหมือนกับในวันนี้อีกครั้ง

2. นิยายเรื่องแรกในชีวิตจบลงไปแบบงงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นมีความหลากหลายในอารมณ์มากมาย แต่สิ่งที่คิดได้ ณ วันนี้ นั่นคือ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ผมรู้ตัวดีไม่ควรพูดถึงมันอีกต่อไป ปล่อยให้เครื่อง “บิดเบือนความทรงจำ” ของคนทั้งหลายได้ทำงานด้วยตัวของมันเอง

สิ่งที่คิดได้ คือ ผมควรใช้เวลาขอบคุณหลายๆ คนที่ช่วยให้นิยายของผมนั้นสมบูรณ์มากกว่า ทั้งคนอ่านที่ติดตามกันมา กำลังใจในวันนั้นผมจะจดจำมันไม่ลืม ทั้งมิตรสหายหลากหลายที่ช่วยให้นิยายเรื่องแรกนั้นกลายเป็นเรื่องที่ถูกอ่านมากกว่า 10,000 ครั้ง สิ่งที่พวกเขาช่วยเหลือและทำให้ผมนั้นทำให้ผมรู้จัก “มิตรภาพ” ที่แท้จริง ที่ไม่ต้องแลกมาด้วยคำสวยๆ หรืออวยกันไปอวยกันมา แต่มันคือคนที่พร้อมจะช่วยเหลือเราโดยที่ไม่ได้หวังอะไรเลยแม้แต่น้อย

 

14448808_10153938869508450_1745171940789458663_n (1)

 

3. ภาพของการคิดใหญ่ โตตามฝัน พลิกชีวิตนั้น ค่อยๆห่างออกจากความรู้สึกไปเรื่อยๆ ผมนึกถึงวันที่บอกแม่ไว้ว่า “ถ้าหาเงินด้วยความสามารถได้เดือนละ 50,000 บาท ผมจะออกมาทำนู่นนี่ตามความฝัน” แต่พอถึงวันนี้ ผมคิดว่าความฝันของผมไม่ได้หยุดที่จำนวนเงิน และความยิ่งใหญ่เสียแล้ว

ผมชอบมองหาความเป็นฮีโร่ในคนธรรมดา คนที่ตั้งใจทำธุรกิจ หรือคนที่ประสบความสำเร็จและเลือกที่จะมีชีวิตเรียบง่ายในรูปแบบที่เขาต้องการ เพราะมันทำให้เรารู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในนั้น โดยที่ไม่ต้องประกาศกร้าวบอกใครให้รู้สึกถึงสิ่งที่เรียกว่า “ความสุข”

แน่นอน… การฝันใหญ่ยังคงไม่ใช่เรื่องผิดในยุคสมัยนี้ แต่ผมเริ่มหันมองความก้าวหน้าจากการสะสมความฝันทีละนิดอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น

ขอบคุณรอยยิ้มของเธอในวันนั้น และการสวมกอดของแม่ในคืนที่ควรจะหลับใหล ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ความสุขของชีวิตผมในอนาคตไปเสียแล้ว

4. สำหรับคนที่ทำงานหนักเพื่อคนอื่น ผมรู้สึกว่าเขาควรได้รับอะไรบางอย่างตอบแทน ถ้าไม่ใช่เงิน ก็คงเป็นความสุข แต่นอกเหนือจากสิ่งเหล่านั้น ผมคิดว่า “รอยยิ้ม” ที่เราส่งให้เขา ถือว่าเป็นเรื่องดีๆ ในอีกรูปแบบหนึ่งที่เขาสมควรได้รับ

5. เดือนกันยายน ทำให้รู้สึกถึงการเดินทางของปีใหม่ที่ใกล้เข้ามา เผลอแป๊บเดียวก็มาช่วงปลายปีแล้ว เลยถือโอกาสเอาสิ่งที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นปีมาปัดฝุ่นอีกรอบ เป็นโปรเจคส่วนตัวที่อยากทำมานาน และหยุดทำไปนานเพราะข้ออ้างในชีวิต

การทำ Podcast “โลกไปไกลแล้ว” เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เราเคยอยากจะทำเพื่อความมันส์และอีโก้ส่วนตัวล้วนๆ จนเกิดเป็นรายการ “ท่าแซะ” “เพลินจิต” และ “มักกระสัน” 3 ช่องทางที่เราหวังว่าจะสื่อสิ่งที่คิดไปได้มากกว่างานที่ทำอยู่ในตอนนี้

ถ้าใครอยากติดตามก็ติดตามได้ที่ SoundCloud โลกไปไกลแล้ว ครับ

6. “ดีใจที่ตัดสินใจมาหาหมอ” เป็นคำพูดของน้องคนหนึ่งที่ผมแนะนำให้ไปปรึกษาจิตแพทย์ เนื่องจากน้องมีปัญหาจากความเครียดในชีวิตและนอนไม่ค่อยหลับมานานมากแล้ว

ไม่รู้ว่ามันเป็นกฎแรงดึงดูด หรือความชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน หรืออะไรก็ตาม ทำให้ผมมีโอกาสได้เข้าไปรับรู้หรือมีส่วนร่วมของการเป็นโรคซึมเศร้าของใครหลายๆคน (รวมถึงจิตเภท) ส่งผลให้ผมต้องให้สนใจเรื่องนี้ค่อนข้างมาก ประกอบกับการที่มีคนมาปรึกษาปัญหาชีวิตอยู่บ่อยๆ ทั้งๆที่เราเองก็ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในการใช้ชีวิตซักเท่าไร

เมื่อก่อน ผมพยายามจะตัดสิน หรือแนะนำแนวทางตามความคิดของตัวเอง ซึ่งแน่ละว่า ผมมักจะจดจำสิ่งที่แนะนำแล้วสำเร็จมาเคลมว่าเป็นความเก่งกาจราวกับหมอดูชื่อดังที่แม่นทุกเรื่อง แต่พอมาถึงจุดหนึ่ง ผมเพิ่งตระหนักรู้ได้ว่าชีวิตมันไมได้ง่ายอย่างนั้น และมันไม่ได้ง่ายพอที่คนเราจะนำคำแนะนำมาปฎิบัติกับปัญหาได้ง่ายๆ

ยิ่งโตขึ้น… ผมยิ่งรู้ตัวดีว่าปัญหาและความรู้สึกที่มีต่อปัญหาแต่ละคนแตกต่างกันไป ดังนั้นจึงไม่ควรให้คำปรึกษาใครและตัดสินอะไรแบบพล่อยๆอีกต่อไป

สิ่งที่ผมเลือกทำในวันนี้ มีแค่การแนะนำสิ่งที่เขาควรทำเพื่อแก้ปัญหาที่ “จำเป็น” เพื่อให้ “อยู่ได้” ก่อน และถ้าหากเขาทำแล้วชีวิตมันดีขึ้นจริงๆ ผมว่าการแค่รู้สึกยินดีกับสิ่งเหล่านั้น มันก็เป็นความสุขในอีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกันนะ

 

แด่… เดือนกันยายน เดือนที่ผมตั้งคำถามเก่าๆกับตัวเองอีกครั้ง ถึงหลายสิ่งที่เกิดขึ้นในเดือนนี้ว่า “ทำแล้วได้อะไรบ้างวะ” ซึ่งมาถึงตรงจุดนี้ ผมเองยังไม่คิดที่จะหาคำตอบให้กับมัน

 

เพราะการมีชีวิตที่มีความสุขนั้น…
มันไม่ควรต้งคำถามอะไรมากไม่ใช่หรือ?