035 : งานหนักไม่เคยฆ่าใคร และงานที่ใช่ก็ไม่มีจริง?
.
หนูควรลาออกไหม?
น้องคนหนึ่งเอ่ยปากถามผม
หลังจากเล่าเรื่องชีวิตการทำงานของตัวเองให้ผมฟัง
—
ปัญหาการทำงานของวัยทำงานอย่างเราๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “การทำงานหนัก” และ “การค้นหางานที่ใช่” ซึ่งผมเคยเขียนเรื่องนี้ไปหลายครั้งหลายคราว แต่พอดีมีอะไรมาสะกิดใจให้ต้องแตกประเด็นมาเขียนเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง
คนเรานั้นต้องการแรงบันดาลใจแค่ไหนมาขับเคลื่อนให้ได้ไปต่อ? คำถามนี้เป็นคำถามที่ผมเริ่มต้นถามตัวเองเวลาท้อ หรือ รู้สึกเหนื่อยหน่ายจากการทำงาน นั่นสินะ คนเราควรจะสร้างแรงบันดาลใจด้วยอะไรดี ถึงจะมีแรงใจให้ไปทำงานต่อไปได้ท่ามกลางความรู้สึกร้ายๆเหล่านั้น
มันคงเป็น “งานที่ใช่” หรือไม่ก็เป็น “งานที่เรารัก” ประโยคแรกของคำตอบในใจนั้นปลุกไฟที่กำลังมอดให้เราตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นั่นสินะ เราเคยจินตนาการภาพแห่งความสุขเกี่ยวกับการได้ทำงานที่รักและไม่ต้องรู้สึกว่าทำงานตลอดชีวิตไว้ดีแค่ไหน วันนี้มันอาจจะเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งที่เรากำลังเดินทางไปสู่จุดนั้นนั่นแหละ
เอาล่ะ คิดได้แล้ว แบบนี้ต้องเดินไปต่อ
ลุกขึ้นสิ รออะไรอยู่!!
ในขณะที่เราจะลุกขึ้นสู้นะ ความคิดฉับพลันนั้นกลับตั้งคำถามขึ้นมาในสมองว่า “แล้วมันเป็นงานที่เรารักจริงๆเหรอวะ ถ้าหากมันเป็นงานที่เรารัก และมันใช่สำหรับเราจริง ทำไมเราถึงรู้สึกแบบนั้นล่ะ”
เออว่ะ
หรือว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ
“เฮ้ย… ไม่หรอก ในชีวิตจริงมันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะรักอะไรตลอด ดูอย่างคนที่เรารักสิ เรายังมีช่วงเวลาที่รู้สึกไม่ดีกับเขา แต่มันไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้รักเขานี่นา” โชคดีเหลือเกินที่ส่วนของความรู้สึกดีๆในจิตใจ ยังมีพลังมากพอที่จะหยุดให้เรานั้นเดินต่อไปได้
“เอางานกับความรักมาเปรียบเทียบกัน
แบบนั้นมันไม่คิดตื้นๆเกินไปหน่อยเหรอ”
ยังอีกเหรอเนี่ย… เสียงความคิดลบตบกลับด้วยคำถามแดกดัน ทำนองว่ามีแต่คนโง่เท่านั้นที่เอา “ความรัก” ไปเปรียบเทียบกับ “งาน” มันจะเกี่ยวกันได้อย่างไรเล่า ในเมื่อจุดประสงค์ของการ “ทำงาน” และ “ความรัก” มันเป็นคนละเรื่องเดียวกันไม่ใช่เหรอ? ถ้ามันเป็นเรื่องเดียวกันจริงๆ เราควรจะแต่งงานกับออฟฟิศแห่งนี้ แทนที่คนที่เราคิดจะใช้ชีวิตข้างๆกัน
“เอาตัวอย่างไปดูซะ มีคนอีกมากมายทำในสิ่งที่เขารัก
แถมยังประสบความสำเร็จ แต่ว่ามันต้องใช้เวลานานหน่อยแค่นั้นเอง”
ความคิดดีส่งพลังเฮือกสุดท้ายยกตัวอย่างคนมากมายบนโลกนี้ที่ทำแล้วประสบความสำเร็จให้เราดู มันช่างเป็นโชคดีเหลือเกินที่ “ตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน” ทำให้ความคิดร้ายๆในจิตใจสงบลงไปได้ในช่วงเวลาหนึ่ง
เอาล่ะ… มันคงถึงเวลาที่เราจะกลับไปทำงานต่อแล้ว หลังจากที่เติมพลังใจด้านบวกเข้าไป พ่วงด้วยกำลังใจที่สร้างขึ้นมาจากเหตุและผลของเรา สู้โว้ย เพื่อความฝัน เพื่อสิ่งที่เรารัก และเพื่อชีวิตที่ดีกว่า จงทำงานมันต่อไป
—
ถ้าหางานใหม่ไม่ได้ ไม่ควรลาออกนะ
ผมตอบน้องเขาไปสั้นๆ
เพื่อเตือนสติถึงภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
—
มีคำพูดยาวๆประโยคหนึ่งที่ผมจำขึ้นใจและใช้เตือนสติทุกครั้งในการทำงาน นั่นคือ “ต่อให้ความคิดของเราดีแค่ไหน ต่อให้ความมั่นใจของเรามากขึ้นเท่าไร และต่อให้เรามั่นใจการทำงานหนักแค่ไหน สิ่งที่เราควรเตือนตัวเองก็คือ เราคิดถูกต้องหรือเปล่า? เพราะองศาเล็กๆที่ผิด ก็ทำให้ชีวิตของเราเดินไปคนละทิศละทางแล้ว”
ดังนั้นมันไม่สำคัญหรอกว่า เราจะคิดดี คิดลบ คิดร้าย คิดเลว ชอบทำงานหนัก ชอบทำงานสบาย รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก หรืออีกสารพัดถ้อยคำคมที่เราเพาะบ่มขึ้นมาด้วยประสบการณ์ของตัวเองและคนอื่น
ตัวอย่างที่เราเห็น คนอื่นที่เขาเป็น ทุกความสำเร็จย่อมมีเรื่องราวหนักหนาที่ผ่านมา แต่ผู้พ่ายแพ้และล้มเหลวเจียนตายทั้งหลาย พวกเขาคล้ายไม่มีโอกาสเล่าเรื่องเหล่านั้นให้เราฟัง
…คงเป็นเพราะมันไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีสักเท่าไร