-152 : ในวันที่จักรยานล้มลง เราคงไม่ได้รับคำตอบใดๆ
20 ปีที่แล้ว…
ผมคือมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ (ในตอนนั้น)
นั่นคือ การขับจักรยาน 2 ล้อได้ด้วยตนเอง
ไม่ใช่จักรยานเสือหมอบ
ไม่ใช่จักรยาน BMX
แต่มันเป็นจักรยานแม่บ้านตราเฟสสัน
พร้อมด้วยตะกร้าแม่บ้านสีขาวข้างหน้า
ในโลกที่ไม่มีเฟสบุ๊กและแทปเล็ต
นั่นคือโลกแห่งความสำเร็จของเด็กชายตัวน้อยตอนนั้น
—–
ด้วยความเพียรพยายามในตอนเย็นของทุกวัน
บวกกับความเหนื่อยยากของพี่เลี้ยง
ทำให้เจ้าเด็กคนนั้น
สามารถขับจักรยานได้้ด้วยตัวเองจนได้
พอขับเป็นแล้วก็ซ่าส์
หัดท่าผาดโผน ยืนขี่ นอนขี่
ปล่อยมือหนึ่งข้าง สองข้าง
จนบางครั้งลืมไปว่า
เฮ้ย นี่มึงกำลังขับจักรยานแม่บ้านอยู่นะ!
ล้มลุกคลุกคลานตามประสา
เจ็บเข่า หน้าแข้งถลอก ฯลฯ
แล้วแต่ความยากของท่า
จนมาวันหนึ่ง…
ก็เจอเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
—–
วันนั้นเป็นวันหนึ่งในฤดูร้อนที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม
เด็กชายพรี่หนอมบึ่งจักรยานไปซื้อขนมหน้าหมู่บ้าน
ด้วยความที่คิดว่าเก๋า ทำให้เขาปั่นแบบไม่ยั้ง
อารมณ์ดุจการ์ตูนสิงห์นักปั่นในตำนาน
ปั่นไปปั่นมาฝนเริ่มลงเม็ด
แต่ฝนก็ไม่อาจจะหยุดความตั้งใจของเด็กชายพรี่หนอมได้
เขาปั่น รุนแรง และเร่งรีบ
เพียงเพราะต้องการให้จักรยานสีแดงถึงบ้านอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงทางโค้ง …
เขาหักรถเพื่อเลี้ยวเข้าทางหลัก
แต่อนิจจา เหมือนรถยนต์ที่วิ่งสวนมาจะมองไม่เห็น
อาาา…
เสียงแตรดัง
จักรยานของเขาพลันไปชนกับเสาไฟฟ้า
ตะกร้าแม่บ้านสีขาวบุบและยุบตามแรงกระแทก
เขาปล่อยมือออกจากแฮนด์จักรยาน
พร้อมเสียงตะโกนที่อยู่ในลำคอ
… แล้วทุกอย่างก็มืดลง
—–
เวลาผ่านไป..
เม็ดฝนที่หล่นใส่หน้า
ทำให้เขาสะดุ้งตื่นพร่้อมกับความเจ็บปวด
พร้อมกับหยดเลือดเล็กๆที่ออกจากศีรษะ
เขานึกสงสัยว่า..
เลือดของกับสีของจักรยานอันไหนสีแดงกว่ากัน..
—–
เขาเข็นจักรยานพังๆคันนั้นกลับไปที่บ้าน
พร้อมกับหยาดฝนโปรยปรายและสายน้ำตาแห่งความเจ็บปวด
ก่อนเข้าบ้าน…
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วถามตัวเองว่า
จักรยานของเขาทำผิดอะไร?
ผ่านมาจนถึงวันนี้
ยังคงไม่มีคำตอบจากท้องฟ้า
เขาเลยคิดว่า…
ต้องให้จักรยานล้มลงอีกสักกี่ครั้ง
.. เราถึงจะได้คำตอบที่ถูกต้องเสียที