1. “เด่นชัย” กับ “TOP” คนนึงชื่อ “เด่น” แต่ไม่ได้เด่นสมชื่อ ส่วนอีกคนกลับได้รับจุดสูงสุดสมกับชื่อ “TOP” ของเขา เพราะพี่แกเล่นเป็นทั้ง MD ของบริษัท (มั้ง) คนสำคัญสำหรับ “นุ้ย” และ “พ่อ” สำหรับอีกครอบครัวหนึ่ง
ภาพลักษณ์ของสองคนที่ต่างกัน ตอกย้ำความแตกต่างกันระหว่างคนที่ “ใช่” และคนที่ “ไม่ใช่” คือ คนที่ “ใช่” ทำอะไรก็น่ารัก เล่นเวทมนตร์เห่ยๆ สาวก็หลง ในขณะที่อีกคนทำเหมือนกันเป๊ะกลับดูปัญญาอ่อน
เช่นเดียวกันกับการที่เราพยายามทำอะไรดีๆ เหมือนในหนัง ในนิยาย อารมณ์ #สายลมที่หวังดี และ #คนที่คุณก็รู้ว่าใคร อย่างที่เด่นชัยทำให้นุ้ย ในโลกความจริงกลับดูเป็นคนโรคจิต (Stalker) แทนโรแมนติกซะงั้น
ถ้าให้สรุปสั้นๆ คือ ถ้าอยากทำหล่อจีบสาวก็ช่วยดูหนังหน้ากับฐานะมึงด้วย
2. ชื่อหนังภาษาอังกฤษ คือ “One Day” แทนที่จะเป็น “Fan Day” อาจสื่อถึงวันเพียงหนึ่งวันที่มีค่าสำหรับคนหนึ่งคน นั่นคือ เด่นชัย
วันที่ 11/2 คือวันเกิดของเด่นชัย และมันเป็นวันที่นุ้ยกลายมาเป็น “แฟน” ในหนึ่งวัน ถอดรหัสตัวเลขออกมาเป็น 1+1 = 2 และมันเป็นเพียงวันเดียวเท่านั้นที่คนสองคนได้อยู่คู่กัน #กูคงคิดเยอะไป
3. ไม่ค่อยชอบกับการที่ “เด่นชัย” พูดประโยคยอดฮิตกระแทกจิตเรื่อง “เดินขึ้นภูเขาเอเวอร์เรส” หรือ “ไต่ลวดข้ามตึกเวิลด์เทรด” ซักเท่าไร มันค่อนข้างตรงกันข้ามกับตัวละครที่มีบุคลิก Loser + Geek ไปสักหน่อย
แต่รู้สึกชอบภาพวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ไปเที่ยว Snow Festival อันสวยงามและกลับมาเจออีกครั้ง กับภาพรถเครนกำลังทำลายปราสาทน้ำแข็งให้เจ็บปวดรวดร้าวกันไปข้างหนึ่ง
4. ความจริงมักทำให้เราเจ็บปวด และเราจะรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อมันเป็นความจริงของเรา ดังเช่น นุ้ยที่เจอความจริงว่า เด่นชัยไม่ได้เป็นแฟนของเธอ / แฟนตัวจริงของเธอมีครอบครัวแล้วโดยที่เธออยู่ในสภาพของเมียน้อย / ความจริงที่ว่าเธอจะกลับมาเป็นปกติในวันรุ่งขึ้น
ในขณะที่ความจริงของเด่นชัยนั้นเป็น “ความจริง” ที่จะอยู่กับเขาตลอดไป ทั้งเรื่องที่นุ้ยรังเกียจเขาในวันก่อนหน้า กลับมาเป็นแฟนเขาในวันที่เธอความจำเสื่อม และกลับไปลืมเลือนเขาในวันรุ่งขึ้น
5. หิมะที่มีทั้งความสวยงามและความสกปรก สภาพของการเก็บกวาดหิมะ การทำความสะอาดในวันที่มันเริ่มละลาย มันเป็นเหมือนความจริงที่ตอกย้ำว่าสิ่งที่ผ่านมาเมื่อวานคือความฝันของทั้งคู่
เราเชื่อว่าหลายคนอยากให้มันจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง แต่ลองคิดถึงความจริงอาจจะทำให้เรารู้สึกว่า คนทั้งสองคนนี้อยู่ในพื้นที่ที่แตกต่างกันเกินไป เด่นชัย กับ นุ้ย น่ะเหรอ จะมาคู่กันหรือเป็นแฟนกันได้ในประเทศไทยที่มีปัจจัยมากมายโอบล้อมความสัมพันธ์ของพวกเขาอยู่ เพราะการอยู่ฮอกไกโดกันสองคนในโลกที่ไม่มีใครรู้จักพวกเขา มันเป็นเพียงแค่การตัดเรื่องจริงออกไปชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
6. ในแง่หนึ่งเราว่า เด่นชัยเป็นผู้ชายที่รักนุ้ยจริง และมีความเห็นแก่ตัวอยู่ในนั้นปนๆกัน สิ่งที่เขาทำอย่างการที่พยายามจะพาเธอไป Snow Festival อาจจะดูเป็นการพยายามทำเพื่อคนรัก แต่เรามองว่าเขาทำเพื่อเติมเต็มความทรงจำของเขากับคนที่เขารักมากกว่า
เช่นเดียวกันกับการลบคลิปที่นุ้ยถ่ายคู่กับเขาไว้ อาจดูเหมือนว่าเขาพยายามที่จะยอมรับความจริงที่ว่าเขาไม่มีวันได้เธอมาเป็นคนที่ใช่ แต่การที่เหลืออีกคลิปนึงที่เหลือเพียงแต่เสียงของเขาไว้ก็เป็นการตอกย้ำให้นุ้ยรู้ในใจเหมือนกันว่า ช่วงเวลาที่อยู่กับเขาเธอมีแววตาที่มีความสุขแค่ไหน
ในขณะที่เรารู้สึกว่า “นุ้ย” ตกหลุมรัก “เด่นชัย” เร็วเกินไป มันยิ่งแสดงให้เห็นว่ามนุษย์นั้นต้องการใครสักคนมากแค่ไหนที่จะอยู่เคียงข้างกัน
7. มุขตลกน่ารักๆ ที่ใส่มาในหนังเป็นระยะทำให้สภาวะเคร่งเครียด อึนๆหายไปได้บ้าง การพลิกจังหวะเรื่องที่นุ้ยจะรู้ความจริงทำได้น่าติดตามดี และการเล่าความจริงที่แทรกมาเป็นระยะๆก็ทำให้เราสัมผัสถึงความรักของผู้ชายคนหนึ่งได้เรื่อยๆ จนมาถึงจุดสุดท้ายของหนังเรื่อง
8. เรื่องนี้เป็นหนังเศร้าที่ดูแล้วไม่ได้รู้สึกเศร้าเรื่องความรัก แต่รู้สึกเศร้าเพราะบางทีเราไม่สามารถจะใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารักต่อไปได้
9. นักแสดงทุกคนเล่นดีมาก โดยเฉพาะฉากที่นุ้ยร้องไห้ตอนเห็นคลิป แม้จะดูจงใจไปนิด แต่มันดีจริงๆ และการที่เธอชอบฟังเพลงเก่าๆ เราไม่แน่ใจว่าเพราะเธอรู้สึกว่า เมื่อก่อนเคยมีความสุขกว่านี้หรือเปล่า เหมือนที่เธอเสียใจมากๆเมื่อเธอรู้ว่าตัวเองกลายเป็นเมียน้อยของพี่ท็อป ถึงแม้ว่าจะรัก แม้ว่าจะรู้สึกดี แต่ภาพของเธอทั้งหมดมันเป็นเพียงแค่สิ่งที่เธอหลอกตัวเองเท่านั้น น้ำตาสองหยดที่ออกมาจากสองตาในเวลาไม่พร้อมกัน มันทำให้เรารู้สึกว่าเธอคงตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำยังไงกับชีวิตตัวเองต่อไป
10. เรื่องนี้ทำให้นึกถึงเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ่นนานมากแล้ว เคยมีคนถามเราว่า “ลองมาเป็นแฟนกันสักวันดูไหม” ในตอนนั้น เราตอบปฎิเสธไป เพราะรู้ว่าจุดจบในวันนั้นมันคงทำให้ใครสักคนต้องเสียใจ