-012 : ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เราคงได้แค่มองแล้วถอนหายใจเบา ๆ
สธ.เผยคนไทยฆ่าตัวตายสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก
เผยส่วนใหญ่ใช้วิธีแขวนคอ
พบสาเหตุจากดื่มสุรา-ป่วยซึมเศร้า-ปัญหาสุขภาพในผู้สูงอายุบางครั้งผมก็นึกแปลกใจว่า ทำไมคนถึงฆ่าตัวตายมากขึ้น ทั้งๆ ที่เราควรจะมีความสุขล้นเหลือจากความสะดวกสบาย ความคิดดีๆ ที่ส่งผ่านหากัน ไปจนถึงกลุ่มก้อนสังคมที่รวมตัวกันจากสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นชื่นชอบ
โลกแคบลงให้เราติดต่อและมองเห็นกันได้ง่ายขึ้น
ความสำเร็จถูกยึดโยงใยให้ส่องผ่านและเหลือบตาดูได้เยอะขึ้น
ในแง่หนึ่ง…
เราจะเห็นความสำเร็จอันสูงส่งลิบลับจากคนกลุ่มหนึ่ง
และในอีกแง่หนึ่ง….
เราจะเห็นคนอีกกลุ่มหนึ่งหลงเชื่อว่า
มันมี “สูตรสำเร็จ” แห่งความสำเร็จ
อย่าหลงเชื่อความฉาบฉวยในทุกอย่างที่อยากได้
คิดว่าง่าย และเด็ดปลายยอดอ่อนมากินเลยโดยไม่ปลูกไม่สร้าง
เคยสังเกตไหมว่า .. กลุ่มก้อนที่เรา “รัก” และคิดว่า “ดี” ทั้งหลาย จะช่วยกันเสพติดในสิ่งเหมือนกัน พูดจาประสาเดียวกัน หลงไหลมี Passion ในชีวิตที่เราต้องการเหมือนๆกัน จนเป็นความรู้สึกแบบเดียวกันและคิดเหมือนกันไปเสียหมด
การแสดงความเห็นที่แตกต่างออกไปในกลุ่มก้อนนั้นๆ อาจจะทำให้ถูกมองว่า แตกแยกจากพวกเดียวกัน และไม่มีความฝัน ความหวัง และความรู้สึกร่วมกันอีกต่อไป ไม่ได้สิ เราต้องเป็นเหมือนๆกัน เพราะนั่นคือปลายทางแห่งความสำเร็จในทิศทางเดียวกัน
มาถึงจุดหนึ่ง.. กลายเป็นว่าเราลืมเลือนความเป็นตัวของตัวเอง และถูกหลอมรวมความเป็นตัวเองที่ “เหมือนกัน” เพื่อให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของ “ความสัมพันธ์” ในกลุ่มก้อนที่ไม่มีชื่อเรียก
และสุดท้ายเราก็ลืมไปว่า … เราต้องการอะไร ?
ฝันจะสร้างปราสาทใหญ่ แต่ยังปลูกหญ้าไม่เป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับความสำเร็จไม่ได้เรียกว่าความล้มเหลว เพราะต่อให้คุณล้มอีกกี่ครั้ง คุณก็ยังสามารถเดินทางไปสู่ความสำเร็จได้ในวันใดวันหนึ่ง ถ้าหากคุณกล้าที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับมันด้วยตัวเอง
ฟังแล้วรู้สึกดี …
แต่ผมว่านี่ก็เป็นอีกกับดับของความรู้สึกที่อยากจะสำเร็จ
ถ้าหนทางสู่ความสำเร็จมันหอมหวานและงดงามจริง
ทำไมพวกคุณถึงยอมรับกับความล้มเหลวไม่ได้ล่ะ ?
ผมเหลือบมองผู้คนรอบตัวหลายกลุ่มก้อน เห็นพวกเขาเหล่านั้นพูดจาภาษาเดียวกัน และก่นด่าว่าผมคือคนคิดลบและไม่มีวันเข้าใจศาสตร์แห่งความสำเร็จ โดยเฉพาะเวลาที่ผมพูดถึงพวกเขา หรือต่อให้บางครั้งผมไม่ได้พูดถึงเขา เขาก็ยังคิดว่าผมพูดถึงอยู่ดี เพราะ อคติแห่งความสำเร็จมันถูกหล่อหลอมให้ฝังแน่นยิ่งกว่ารอยคราบที่ซักไม่ออกด้วยผงซักฟอกเสียอีก
ผมมองเห็นคนพูดไม่หยุดถึงความเก่งกาจของตัวเอง แต่เมื่อเขาเปลี่ยนเป็นคนฟัง เขากลับเมินเฉยที่จะฟังคนอื่นพูด และมันสะท้อนให้เห็นว่า โลกนี้ไม่มีใครอยากจะรับฟังความสำเร็จของใครจริงๆ แต่เราพร้อมจะพูดถึงความยิ่งใหญ่ของตัวเอง แม้ว่าความเป็นจริงความยิ่งใหญ่นั้นจะเป็นแค่เศษเสี้ยวของความสำเร็จที่ฝันไว้ก็ตาม
ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ แล้วกลายเป็นว่าทำให้รู้สึกว่า ผมกำลังว่าและก่นด่าใคร ผมก็คงต้องขอโทษไว้ด้วย ณ ตรงนี้ เพราะเอาจริงๆ แล้วผมแค่อยากระบายความคิดที่มีต่อสังคมในช่วงเวลาหนึ่งไว้ใช้เตือนสติตัวเอง แต่ถ้าเกิดมันไปทำลายฝัน ความคิดบวก และสิ่งดีๆ ของคุณไป ผมก็ขอแสดงความเสียใจมาด้วยความเคารพอย่างสูง
ถ้าคุณโกรธเกลียดผม หรือ โทษว่าผมก่นด่าความฝันของคุณ ผมคงทำได้แค่ถอนหายใจและคิดว่า ทำไมฝันของคุณมันช่างเบาบางจนถูกคนถากถางไม่ได้เอาเสียเลย
ส่วนถ้าใครที่เป็นพวกหันหัวสวนกระแสความสำเร็จ ต้องการเตือนสติให้โลกนี้ตรึกตรองดูก่อน ผมก็ชอบสิ่งที่คุณคิดเหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้มีผลอะไรให้ใครฟังคุณหรอกครับ เพราะคุณก็คิดเหมือนคนอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อให้กลายเป็นอีกกลุ่มก้อนหนึ่งที่ “ต่อต้าน” ความสำเร็จ ให้ตัวเองรู้สึกดีเหมือนกันที่วันนี้คุณไม่ประสบความสำเร็จไง หรือคุณกล้าบอกไปตรงๆว่า อ้อ เราไม่ได้อยากจะประสบความสำเร็จเลยนะในชีวิต เราเลยต่อต้านคนที่มุ่งหาความสำเร็จ
อ่านมาถึงตรงนี้ คุณคงสงสัยว่าไอ้นี่มันต้องการจะบอกอะไร ทำไมผรุสวาทลั่นวาจาด่าเค้าไปทั่ว ผมก็บอกตรงๆว่า อ้อ ผมเป็นคนชั่วคนหนึ่งที่ไม่ได้คิดอะไรกับชีวิตมากเหมือนพวกคุณ แค่คนธรรมดาที่หายใจรอวันตายไปงั้นๆ
เพียงแต่ผมอยากพูดความรู้สึกทั้งหมดออกมาจากใจจริง และไม่ได้ต้องการจะอวยหรือติ่งใครให้เสียเวลา เพราะทุกวิธีคิดของคนเราก็มีปัญหา รวมถึงวิธีคิดของผมด้วยเช่นเดียวกัน
มันเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความต่าง…
และถอนหายใจให้กับโลกนี้ที่แสนจะอ้างว้างเบาๆ
….ก่อนที่เราจะเข้าสู่ยุคต่อไป :)